โดยปกติแล้ว นักลงทุนในตลาดจะมีวิธีการวิเคราะห์และลงทุนในสไตล์ที่แตกต่างกันออกไปตามความถนัด หลักๆ มักแบ่งออกเป็นนักลงทุนที่ใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาเป็นเครื่องมือในการช่วยจัดการความเสี่ยงในการลงทุน บางคนถนัดเรื่องงบการเงินและหุ้น และบางคนก็ถนัดเรื่องในมุมใหญ่และกว้างกว่านั้น คือ Macro Analysis ที่นับวันก็จะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความสำคัญของผู้ดูแลกฏ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือธนาคารกลางต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยที่นักลงทุนให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษในปัจจุบัน รวมไปถึงนี่เป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนรายย่อยตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ปัจจัยเชิง Macro เช่น นโยบายทางการเงินการคลัง จำนวนประชากร วัฐจักรธุรกิจ ไปจนถึงพฤติกรรมมนุษย์ ล้วนแล้วแต่กระทบตลาดอย่างมีนัยะสำคัญ เป็นภาพใหญ่ที่ส่งผลต่อภาพที่เล็กกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Sven Henrich หนึ่งในผู้ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับสัญญาณทางราคาในตลาด ได้ให้สัมภาษณ์ในช่อง Youtube ชื่อ Wealthion เกี่ยวกับข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนสัญญาณเทคนิคในช่วงที่ผ่านมาว่าเขายังไม่เห็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าหมีจะชนะกระทิงในยามนี้ เขาบอกว่าสิ่งที่น่าสนใจคือในเชิงเทคนิค ตอนที่ตลาดหุ้นลงไปทำจุดต่ำสุดในเดือนตุลาคม นั่นคือจุดที่ลงไปทดสอบแนวรับที่สำคัญ จากนั้น หมีก็ถูกควบคุมด้วยกระบวนการต่างๆ เช่นเกิดความคาดหวังใหม่ของตลาดที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย จนทำให้เกิดกระแสเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดอีกครั้ง รวมไปถึงการนำเงินออกมาใช้จ่ายจากบัญชีของกระทรวงการคลังสหรัฐก่อนการปรับเพดานหนี้ เพิ่มเติมตามมาด้วยการเปิดประเทศของจีนในปีนี้ จึงทำให้ดูเหมือนว่าหมียังไม่ชนะอย่างแท้จริง ทำให้หมีถูกควบคุมและกระทิงเข้ามาพาตลาดเปลี่ยนเป็นขาขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาณทางเทคนิคจะพบว่าหมียังไม่ได้ควบคุมตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งแปลว่าในทางเทคนิคแล้วตลาดยังไม่จัดว่าเป็นขาลงจริงๆ แต่ในทางกลับกัน ก็ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณอะไรที่บอกว่าตลาดจะกลับเป็นขาขึ้นชัวร์ๆ ในขณะนี้ คล้ายกับเป็นการสู้กันในตลาดระหว่างตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง (กระทิงสู้กับหมี) ตราบใดที่ยังไม่เห็นหลักฐานว่าใครเป็นผู้ชนะ ตลาดก็จะยังอยู่ในสภาวะของความไม่แน่นอนต่อไป ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับบทวิเคราะห์เชิง Macro เพราะแทบทุกบทวิเคราะห์ต่างก็ไม่สามารถฟันธงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งใด และนักวิเคราะห์ในตลาดยามนี้เต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน เห็นอนาคตของตลาดหุ้นที่แตกต่างกัน Sven Henrich บอกว่า เขาไม่เคยเห็นสภาวะที่นักวิเคราะห์ในตลาดมีความเห็น และให้น้ำหนักที่แตกต่างหลากหลายขนาดนี้มาก่อน โดยทั่วไป นักวิเคราะห์อาจมีความเห็นที่ต่างกันบ้าง แต่โดยรวมยังคงมองไปในทิศทางเดียวกันมากกว่า ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงที่ตลาดมีความน่าสนใจอย่างมาก
นอกจากนั้น เขามีความเห็นว่า Fed ไม่สามารถจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูง และคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงได้นานอย่างที่ตั้งใจ เขาบอกว่าหากดูจากฟากเทคนิค เพราะตลาดหมียังไม่ชนะเสียทีเดียว แปลว่ากระทิงก็ยังมีโอกาสชนะ
ถ้าหมีชนะเบ็ดเสร็จ แปลว่าตลาดเข้าสู่สภาวะ recession หรือเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า Fed ดำเนินนโยบายเพื่อเอาชนะเงินเฟ้ออย่างแข็งกร้าวเกินไปจนเศรษฐกิจรับไม่ไหว ซึ่ง Sven เชื่อว่าเมื่อถึงจุดนั้น หลังจากหมีชนะเบ็ดเสร็จ Fed มีแนวโน้มจะทำพฤติกรรมเดิม คือเข้ามาช่วยเหลือตลาดและทำให้ตลาดกลายมาเป็นตลาดกระทิงอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน หากตลาดหมีไม่ชนะเบ็ดเสร็จ ย่อมหมายถึงมีปัจจัยอะไรบางอย่างเข้ามาสนับสนุนตลาด ไม่ว่าจะเป็น Fed ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลงมาบ้าง หรือรัฐบาลสหรัฐมีเม็ดเงินสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นต้น และแน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่ Fed จะต้องกลับมาให้ความช่วยเหลือตลาดอีกครั้งเช่นเดียวกัน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลาดกลายมาเป็นขาขึ้นทั้งสิ้น
จะเห็นได้ว่า วิธีการวิเคราะห์และมองตลาดของ Sven Henrich ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเข้าใจในเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่เขายังมีพื้นความรู้และความเข้าใจบน Macro อีกด้วย เขานำสิ่งที่เขาเห็นบนกราฟเทคนิคมาผสานกับมุมมองบน Macro เพื่อทำความเข้าใจตลาดได้มากขึ้น และสามารถจัดการกับความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของบทวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสที่มีในตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ
และบทสรุปของบทวิเคราะห์ของ Sven Henrich ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับสำนักวิเคราะห์สไตล์ Macro หมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนกราฟราคาสินทรัพย์ กับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่สอดคล้องกัน เขาบอกว่าในวันนี้เขาคิดว่าบนการไม่ได้รับหลักฐานยืนยันบนกราฟ เขาจะยังไม่ฟันธงอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่รอโอกาสว่ากราฟจะตัดสินใจเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน เขาจะฟันธงก็ต่อเมื่อได้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนบนกราฟแล้วเท่านั้น