Blackbox4.0

[15.03.2023]Global Market Diary : EP11 // ท่ามกลางวิกฤติธนาคาร ขึ้น หรือลดอัตราดอกเบี้ย เรื่องน่าคิดก่อนการประชุม Fed 21-22 มีนาคม 2566

Fed กำลังจะมีการประชุมที่ทุกคนต่างรอคอยในวันที่ 21-22 มีนาคม 2566 ว่าด้วยเรื่องทิศทางของนโยบายทางการเงินหลังเหตุการณ์การปิดตัวลงของ 3 ธนาคารในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โจทย์นี้นับว่าเป็นโจทย์ยาก ไม่ว่าจะยากกับ Fed หรือยากกับตลาด ก็ตาม เพราะดูเหมือนว่าตลาดจะคิดไปแล้วว่า Fed จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบธนาคาร เห็นได้จากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรกราวรูดลงมาแรงเป็นประวัติการณ์ 

นี่เป็นหนึ่งตัวชี้วัดว่าตลาดคิดว่าจากเหตุการณ์การปิดตัวลงของธนาคาร Fed น่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 0.50% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตลาดคิด อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นความจริงเสมอไปก็ได้

สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้ Fed อาจจะต้องยืนยันการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ??? 

สาเหตุที่สำคัญที่สุดยังคงหนีไม่พ้นเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ เพราะล่าสุด อัตราเงินเฟ้อที่ 6% ยังคงเป็นตัวเลขที่ห่างไกล 2% นัก ดังนั้น เพื่อคงความน่าเชื่อถือของ Fed และเพื่อคงเป้าหมายที่ต้องการจะไปถึง Fed อาจจะไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากขึ้นดอกเบี้ยต่ออย่างน้อย 0.25% 

อย่างไรก็ตาม คำถามมันอยู่ตรงที่ว่า ระบบการเงินการธนาคารของสหรัฐอเมริกายังมีความสามารถในการรับมืออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมอะไรถัดไป ?? 

ตอนนี้ เรื่องที่ต้องขบคิดเป็นอย่างหนัก ก็คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะไปกระทบอะไรบ้างที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงกับระบบการเงินการธนาคาร และผลกระทบอะไร ที่ Fed ไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้ 

ก่อนอื่น ในเวลานี้เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง คือท่ามกลางการหาวิธีรับมือกับความตื่นตระหนกที่อาจจะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการปิดตัวของธนาคาร Fed ได้ทำการติดตั้งเครื่องมือพิเศษอย่างหนึ่งที่มีชื่อว่า Bank Term Funding Program หรือ BTFP ซึ่งเครื่องมือนี้ เป็นการเปิดหน้าต่างให้กับเหล่าธนาคารและสถาบันทางการเงินที่มีการบริการรับเงินฝาก ได้ปิดความเสี่ยงในเรื่องของการหาสภาพคล่องทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกในการถอนเงินของลูกค้า ด้วยการที่ธนาคารและสถาบันทางการเงิน สามารถนำพันธบัตรที่ถูกรับประกันโดยรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล หรือ พันธบัตรสินเชื่อบ้านที่ออกโดยหน่วยงานที่รัฐรับประกัน มาค้ำประกันกับ Fed เพื่อกู้ยืมเงินออกไป ที่สำคัญที่สุดคือ Fed รับค้ำประกันที่ราคาพาร์ (ราคาหน้าตั๋ว) ของพันธบัตร โดยไม่สนใจว่ามูลค่าตามราคาตลาดจะเป็นเท่าไหร่ 

นโยบายนี้ มองแวบแรกดูเหมือนจะเป็นนโยบายที่หยุดปัญหาความไม่มั่นใจของลูกค้าธนาคารที่เห็นธนาคารถือพันธบัตรที่ขาดทุนจนสร้างความสงสัยในเสถียรภาพของธนาคารว่าจะมีความสามารถในการรักษาเงินฝากให้ปลอดภัยหรือไม่ ดังนั้น เมื่อ Fed นำเสนอเครื่องมือที่หยุดความเสี่ยงเกี่ยวกับราคาพันธบัตร แปลว่าปัญหาทั้งเรื่องราคาพันธบัตรควรจะจบไป ลูกค้าควรกลับมามั่นใจในระบบธนาคารอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ปัญหาหนึ่งของนโยบายนี้ที่สำคัญ คือนโยบายนี้ กำลังสร้างความมั่นคงให้กับธนาคารที่ถือพันธบัตรจำนวนมาก ซึ่งธนาคารที่ถือพันธบัตรจำนวนมากคือธนาคารขนาดใหญ่ ในขณะที่ธนาคารขนาดเล็กกว่าซึ่งถูกควบคุมน้อยกว่ามีแนวโน้มจะลงทุนบนการปล่อยกู้ หรือถือพันธบัตรที่ไม่ได้ถูกค้ำประกันโดยรัฐบาล ทำให้ธนาคารเล็กไม่อาจเข้าถึงเครื่องมือนี้ของ Fed ได้เหมือนธนาคารใหญ่ 

อย่างเช่นธนาคาร First Republic Bank ที่ถูกโจมตีบนตลาดหุ้นอยู่ในขณะนี้ หนึ่งสาเหตุสำคัญก็เป็นเพราะธนาคารนี้มีทรัพย์สินที่รัฐไม่ได้ค้ำประกันอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง 

Cr. : twitter @fedguy12 Joseph Wang

ดังนั้น หากเราพิจารณาต่อไปถึงแรงกระเพื่อมที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หาก Fed ยังยืนยันที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ คือ

  1. ความมั่นคงของธนาคารเล็กที่เข้าไม่ถึงเครื่องมือที่ Fed จัดตั้ง (BTFP) เพราะยิ่ง Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ย่อมหมายถึงการขาดทุนบนสินทรัพย์ของธนาคาร และหมายถึงการหนีของผู้ฝากเงินที่ย้ายไปยังธนาคารใหญ่เพราะปลอดภัยมากกว่า รวมทั้งหนีไปที่ Money Market Fund เพราะได้รับผลตอบแทนมากกว่า ดังนั้น Fed ต้องชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ที่จะเกิดสภาวะตื่นตระหนกของผู้ฝากเงินในธนาคารกลางถึงเล็กจนต้องปิดธนาคารไปอีก 
  1. ความยากลำบากที่เพิ่มมากขึ้นต่อการหาเงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราสารหนี้ในกลุ่ม Shadow Banking ที่มีขนาดใหญ่มหาศาล โดยรวมทั้งโลกแล้ว กลุ่ม Shadow Banking นั้นมีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มสถาบันทางการเงินและธนาคารที่ถูกควบคุมเสียอีก ดังนั้น หากตราสารในกลุ่ม Shadow Banking เกิดปัญหาหนักเข้ามากๆ มันสามารถก่อให้เกิดปัญหาการขาดทุนของนักลงทุนอย่างมหาศาล ซึ่งการขาดทุนของนักลงทุน สามารถส่งผลกระทบได้ง่ายดายต่อการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพราะต้องการเงินสดมาทดแทนกระทันหัน รวมทั้งส่งผลต่อราคาทรัพย์สินที่ธนาคารถืออยู่จนสร้างความตื่นตระหนกระลอกถัดมาได้เช่นกัน 

เพราะเหตุนี้ สิ่งที่ Fed กำลังต่อสู้อยู่ นอกจากเรื่องของเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญมากแล้ว นาทีนี้ Fed ยังต้องต่อสู้กับความไม่มั่นใจบนระบบการเงินที่จะนำมาสู่ความตื่นตระหนก จนก่อความเสียหายอย่างหนักถึงขั้นเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของระบบการเงินทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ Fed ต้องการจะเห็น หลังจากที่ยืนยันมาตลอดว่าต้องการสร้างเพียง Soft Landing ไม่ใช่ Hard Landing

นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การกำหนดนโยบาย และการส่งข้อความจาก Fed ถึงตลาด ในการประชุมครั้งหน้า 21-22 มีนาคม 2566 นี้ มีความสำคัญเป็นพิเศษ 

และเป็นสาเหตุสำคัญ ว่าทำไมตลาดจึงคิดว่าได้เวลาแล้วที่ Fed จะต้องหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเสียที 

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top