Blackbox4.0

[17.02]Global Market Diary : EP1 // อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ และความผิดหวังของตลาด

หากจะพูดถึงทรัพย์สินที่ลิงค์กับการเงินโลกในวันนี้ ตัวที่เป็นตัวใหญ่ที่สุดที่คนไทยคุ้นเคยกันคงหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘ทองคำ’  รองลงมาน่าจะเป็นสารพัดกองทุนต่างประเทศ และถัดมาก็คือ ‘ทรัพย์สินดิจิตอล’ 

ในความเป็นจริงแล้ว ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกบ้านเรานั้นมีอยู่ไม่น้อย ดังนั้น หากใครชอบการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีที่สุดบนความเสี่ยงที่อยู่ในขอบเขตไม่สูงนัก สิ่งที่ตอบโจทย์คือการแบ่งกองการลงทุนให้เป็นหลายๆ กอง แล้วนำไปลงทุนในทรัพย์สินที่แตกต่างกัน เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีบนความเสี่ยงที่ลดลง 

ประกอบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สหรัฐอเมริกานำนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE มาใช้ ผลตอบแทนบนการลงทุนในหุ้นที่สหรัฐอเมริกาให้ผลตอบแทนที่ดีมาก โดยเฉพาะฟากบริษัทเทคโนโลยี แล้วก็ไม่ใช่แค่สหรัฐเท่านั้น จีนเองก็มีช่วงเวลาที่บริษัทเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน พอโลกเราเข้าสู่ช่วงโควิด และธนาคารกลางร่วมมือกับรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจพื้นฐาน ยิ่งทำให้หุ้นเทคของสหรัฐพากันตบเท้าราคาขึ้นไปจนสูงลิ่ว 

นอกจากนั้น ยังเป็นการให้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า meme stock (มีมสต๊อค) ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มเก็งกำไรแบบขั้นสุดจากเหล่านักลงทุนรายย่อย 

สินทรัพย์ดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กตัวใหญ่ ไปจนถึงกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่เมื่อก่อนพูดถึงกันไม่มาก ก็ถูกขยายจนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Defi ก็ดี กลุ่ม Metaverse ก็ดี กลุ่ม GameFi ก็ดี คำเหล่านี้บนเทคโนโลยีบล็อคเชนที่เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิตอลก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงที่ตลาดคริปโตเป็นกระทิงดุในช่วงที่ผ่านมา 

จากสิ่งที่เกิดขึ้น จึงทำให้คนไทยจำนวนมากเกิดการตื่นตัว มีความต้องการจะมีส่วนร่วมในการลงทุนบนทรัพย์สินเหล่านี้ที่พื้นฐานราคาถูกขับดันบนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเงินโลก

ดังนั้น จะว่าไปแล้ว หากใครที่มีการลงทุนในอะไรก็ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจการเงินโลก เพื่อจะได้เห็นเบื้องหลังสิ่งที่ผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในวันนี้ และนำไปใช้สร้างกระบวนการมองไปข้างหน้าเพื่อจะได้เห็นภาพทั้งหมดให้ครบถ้วน ทั้งความเสี่ยง และโอกาส ก่อนที่จะตกลงปลงใจลงทุนในทรัพย์สินเหล่านั้น

ทีนี้ เรามาพูดถึงตลาดในช่วงเวลานี้บ้างดีกว่า 

แปลกแต่จริง หากมองไปในตลาดโลกตอนนี้ ตลาดหุ้นไทย บ้านเรา ถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีความแข็งแรงมากตลาดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลกนี้ และมีความเป็นไปได้สูง ที่ตลาดแถวบ้านเรา หรือที่ถูกเรียกด้วยชื่ออันไพเราะ ว่า EM Market หรือ Emerging Market นำโดยประเทศจีน จะกลายเป็นสถานที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษจนทำให้ตลาดแถวบ้านเรา outperform (สามารถทำกำไรได้มากกว่า หรือ ขาดทุนน้อยกว่า) ตลาดแถวสหรัฐและยุโรป 

ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น หลักใหญ่ใจความเป็นเพราะในขณะที่ประเทศฟากพัฒนาแล้วกำลังดำเนินนโยบายทางการเงินในเชิงแข็งกร้าว ฟากแถวบ้านเรา ประเทศจีนกลับมีการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่านคลายกว่า มีการอัดฉีดเงินส่งเสริมให้เกิดการกู้ยืมเงิน และนโยบาย Zero Covid ก็ได้ถูกยกเลิก เศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนได้อีกครั้ง 

สิ่งที่น่าจับตามองในเวลานี้คือเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่ถูกกระทบจากการเปิดเศรษฐกิจและอัดฉีดเงินของประเทศจีน ข่าวดีคือดูเหมือนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ จะได้รับผลกระทบในเชิงราคาน้อยกว่าที่คาด แต่อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อในฟากสหรัฐอเมริกาก็มีแนวโน้มที่จะเหนียวหนืดกว่าที่คาด การที่อัตราเงินเฟ้อจะลงไปที่ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายขนาดนั้น 

ในเมื่ออัตราเงินเฟ้อเหนียวกว่าที่คาด อัตราดอกเบี้ยสหรัฐก็มีโอกาสเข้าสู่โหมด ‘Higher for Longer’ หรือ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในเกณฑ์ที่สูง ในระยะเวลาที่ยาวนาน 

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ตลาดไม่ชอบใจมากที่สุด

ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจึงถูกเทขาย ทองคำจึงราคาปรับลง คริปโตเองก็มีอาการสวิงเช่นเดียวกัน ทั้งหมดเป็นเพราะความกังวลในนโยบายแข็งกร้าวของธนาคารกลางที่อาจจะดูดสภาพคล่องกลับออกไป จากที่ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดได้รับสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากกระทรวงการคลังสหรัฐนำเงินจาก Treasury General Account (บัญชีกระแสเงินสดของกระทรวงการคลังที่ฝากไว้กับ Fed) มาใช้ รวมไปถึงการคลายความกังวลใจเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน ทำให้เงินที่ถูกกักเก็บไว้ในช่วงที่ผ่านมาในรูปแบบต่างๆ ทยอยไหลออกมาสู่ตลาด ทำให้ Financial Condition ผ่อนคลาย ดอลล่าร์อ่อนลง ราคาน้ำมันลดลง ทั้งหมดส่งผลดีต่อตลาดในเชิงของสภาพคล่องทางการเงิน ตลาดหุ้นสหรัฐจึงขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ก่อนจะมาเทขายเพราะความกังวลเรื่อง ‘Higher for Longer’ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา 

ตอนนี้เรายังไม่อาจฟันธงได้เลยว่าตลาดจะกังวลมากถึงขนาดทำให้ตลาดเป็นขาลง และดอลล่าร์กลับมาแข็งค่าเป็นอย่างมากในทันทีหรือไม่ ตลาดอาจจะกังวลวันหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นมองโลกในแง่ดีอีกวันหนึ่งก็ได้ ทำให้สถานการณ์ความไม่แน่นอนของตลาดตอนนี้จัดว่าอยู่ในเลเวลที่ไม่น่าเข้าไปยุ่งด้วยเลย 

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ การลงทุนในบ้านเราหรือลงทุนในฟาก Emerging Market น่าจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าฟากสหรัฐอเมริกาในยามนี้ 

ผู้เขียน

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top