Blackbox4.0

Global Money EP02 : สัญญาณเศรษฐกิจหดตัวในสหรัฐอเมริกามาแล้วหรือยัง ??? 

// ถ้าไม่ชอบอ่าน Youtube ก็มีนะ จิ้มเลย : https://www.youtube.com/watch?v=KzNHNuJhQI8 // 

สัญญาณหนึ่งที่เราได้ยินจาก Fed หรือธนาคารกลางตลอดเวลา คือข้อมูลในส่วนของความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และตัวเลขค่าจ้าง ที่ยังคงแข็งแรงท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2022 และจากความแข็งแรงของตลาดแรงงานนี้เอง ทำให้ Fed ยังคงยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปรับเปลี่ยนนโยบาย จากนโยบายแข็งกร้าวทางการเงิน มาสู่นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน อย่างไรก็ดี ทุกครั้งที่ตัวเลขเงินเฟ้อลดลง ตลาดมักจะตื่นเต้นไปกับความเป็นไปได้ที่ Fed จะหยุดนโยบายแข็งกร้าวทางการเงิน ซึ่งดูเหมือนว่าตลาดมักจะตื่นเต้นเก้อเสมอ ล่าสุด FOMC Meeting หรือการประชุม Fed เดือนธันวาคม ก็เป็นอีกครั้งที่ตลาดเก้อ เพราะ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% กลายเป็น 4.25 – 4.5% และมีความเป็นไปได้ว่าเป้าหมายการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2023 จะไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ 5% หรือมากกว่านั้น รวมทั้งมีโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไปอยู่แถวๆ 5% และคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 5% ไปอีกยาวๆ จนกว่า Fed จะเห็นอัตราเงินเฟ้อในระดับที่ Fed พอใจ คือ 2% 

จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงแบบนี้ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ที่สหรัฐอเมริกาจะได้เห็นตัวเลขการเจริญเติบโตที่หดตัวลงอย่างมีนัยยะสำคัญในปี 2023 หลังจากที่ปี 2022 มีตัวเลขการหดตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นช่วงเวลาหนึ่ง และในตลาดพันธบัตรเกิด Inverted Yield Curve ระหว่าง 3 เดือน และ 10 ปี ด้วยระยะห่างที่กว้างมากเป็นประวัติการณ์ คือประมาณ 100 Basis point  ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่านำมาขบคิดมาก ว่านี่คือตัวเลขที่บอกล่วงหน้าใช่หรือไม่ ว่าเรากำลังจะได้เห็นเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงจนกระทั่งเข้าสู่ Recession ในปี 2023 จริงๆ 

ทีนี้ มีสัญญาณอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างบน Real Sector ??? 

หลังจากนี้ จะเป็นข้อมูลที่ได้จาก Danielle DiMartino Booth ผู้ก่อตั้ง Quill Intelligence และผู้เขียนหนังสือ Fed Up ผู้ซึ่งเคยทำงานข้างใน Fed มาก่อน เธอมาพูดคุยถึงความน่ากังวลของเศรษฐกิจสหรัฐในช่องยูทูปที่ชื่อ Blockwork Macro โดยข้อมูลที่น่าสนใจมีดังนี้

  1. เงินเฟ้อ

แม้ทั้งตลาดจะคิดว่าในปี 2023 เงินเฟ้อจะลดลงสืบเนื่องจาก Rate of change บนฐานตัวเลขที่เปลี่ยนไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ เป็นการคำนวณเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของราคาในปีก่อนหน้า ทำให้บนคณิตศาสตร์ เมื่อเวลาผ่านไป หากราคาสินค้าสูงขึ้นเท่ากันเสมอในทุกๆ ปี บนฐานราคาที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เราได้เปอร์เซ็นต์ที่น้อยลงไปเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ ดังนั้น ในปี 2023 ซึ่งเป็นปีที่นโยบายการเงินแข็งกร้าว และนโยบายการคลังใส่เงินลงมาบนเศรษฐกิจน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2021/22 จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าจะน้อยลง ยิ่งเมื่อคิดถึงฐานราคาที่นำมาคำนวณเป็นฐานราคาที่สูง (ปี 2022) โอกาสที่เงินเฟ้อจะปรับลงอย่างมีนัยยะสำคัญก็สูงยิ่งขึ้น 

ดังนั้น หากไปถามค่ายที่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจหดตัว จะทำลายความต้องการซื้อ และทำลายเงินเฟ้อ ค่ายนี้จะบอกว่า เราน่าจะได้เห็นเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมากในปี 2023 แม้กระทั่งมีโอกาสที่จะได้เงินอัตราเงินเฟ้อลงมาถึงเป้าหมาย 2% ที่ Fed อยากเห็นด้วยซ้ำไป ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริง Fed ควรจะปรับอัตราดอกเบี้ยลงให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ และนี่เป็นค่าย Soft Landing ว่าระบบการเงินจะทำงานอย่างไม่บกพร่อง ความเสี่ยงเชิงระบบไม่โผล่หน้าออกมาทักทาย เพื่อสร้างความตื่นตระหนกให้ตลาด รวมไปถึงค่ายนี้คือค่ายที่เชื่อว่า Fed จะมีการตอบสนองบนอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบที่เคยทำมาตลอดหลังปี 2008  

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Quill Intelligence มีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะเหนียวหนืดกว่าที่คิด โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายในฟากที่อยู่อาศัยซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้านราคาที่ช้ากว่าตัวอื่นๆ แม้ตลาดบ้านจะมีปัญหาบนราคาบ้านและความต้องการซื้อบ้าน แต่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการอยู่อาศัยถูกปรับขึ้นราวๆ 7-9% เงินเฟ้อบนอาหารยังคงสูง และบนตัวเลขการจ้างงานในช่วงเวลานี้ที่ตัวเลขค่าจ้างและผลตอบแทนจากการปรับเปลี่ยนงานยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ Fed ไม่อาจจะให้สัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเวลานี้ 

  1. การจ้างงานและ SMEs 

แม้ว่าตัวเลขการว่างงานจะดีเป็นพิเศษในช่วงนี้ คืออยู่ที่ 3.7% เมื่อคำนวณจากขนาดของตลาดแรงงานสหรัฐ แต่ตัวเลขบางตัวจาก Quill Intelligence ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย เช่น ตัวเลขการโพสตำแหน่งงานเพื่อหาคนงานที่เคยพี้คในช่วงกลางปี 2022 แต่ปรากฏว่าพอมาถึงเดือนธันวาคม ตัวเลขนี้กลับลดลงแบบก้าวกระโดด คือจาก 99% ที่เคยพี้คช่วงที่บริษัทพากันโพสหาคนทำงาน มาถึงตอนนี้ เหลือเพียง 9% เท่านั้นเอง นอกจากนั้น ตัวเลข Jobless claim ที่เคยดูดีมากช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา คือ Jobless claim ลดลง 48.9% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ปรากฏว่าตอนนี้ ล่าสุด Jobless claim กลับมาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เศรษฐกิจเปิดหลังโควิด 

ยิ่งเมื่อมองไปที่ผู้ประกอบการรายย่อยฟากเซอร์วิส เมื่อมองไปถึงปี 2023 ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะเริ่มมีผู้ประกอบการรายเล็กที่พอปราศจากเงินช่วยเหลือจากภาครัฐในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอันสืบเนื่องจากโควิด กลับไม่สามารถจะรักษากิจการเอาไว้ได้ เงินช่วยเหลือทั้งหมดที่ออกมาจากภาครัฐถูกใช้ไปจนหมดแล้วตั้งแต่จบเดือนตุลาคม 2022  จึงเป็นที่น่ากังวลเป็นอย่างมากว่าเมื่อไม่มีเงินช่วยเหลือ กิจการที่เติบโตจากการพึ่งพิงเงินช่วยเหลือจำนวนนี้จะดำเนินกิจการต่อไปอย่างไร 

  1. การบริโภคของประชาชนทั่วไป 

เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถูกกระทบอย่างมาก นั่นคืออสังหาริมทรัพย์ ในขณะนี้ สต๊อคบ้านเพิ่มสูงขึ้น แต่ความต้องการซื้อบ้านถูกขวางไว้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นยังพบว่า มีความ ‘อั้น’ ในการขายบ้านมือสอง โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในระดับ Luxury ในขณะนี้มีความอ่อนไหวมาก มีความหวาดกลัวในตลาดพอสมควรเกี่ยวกับการที่บ้านระดับ Luxury จะถูกขายเพราะการถูกหมุนกลับบน Wealth Effect หากถูกขายบางส่วนนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าถูกขายเป็นจำนวนมากพร้อมๆ กัน เมื่อรวมกับการที่ปี 2023  Fed จะไม่ช่วย Refinance สินเชื่อบ้านอีก สหรัฐอเมริกาอาจจะต้องพบว่าฝันร้ายแบบปี 2008 จะกลับมาเยือนอีกครา 

นอกจากตลาดบ้านที่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องความต้องการซื้อลดลง แม้แต่ฟากสินค้าอุปโภคบริโภคก็มีความต้องการซื้อลดลงเช่นกัน จากตัวเลขของ Bank of America พบว่า ในช่วงเทศกาลการลดราคาที่ผ่านมา ทั้ง Black Friday และ Cyber Monday ปริมาณการซื้อเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานั้นลดลงมหาศาล 

เมื่อมองไปยังปีหน้า ในสายตาของคนทั่วไป University of Michigan ทำเซอร์เวย์ได้ว่า 45% ของประชากรคิดว่าตัวเลขการว่างงานของสหรัฐในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น ความน่ากังวลของตัวเลขนี้อยู่ที่ เมื่อประชากรจำนวนมากคิดว่างานของพวกเขามีโอกาสจะมีปัญหาในปีหน้า สิ่งที่ถูกกระทบถัดมาคือนิสัยการใช้เงินก็จะเปลี่ยนไป การใช้จ่ายจะน้อยลง เงินที่หมุนในระบบเศรษฐกิจจะหมุนช้าลง ซึ่งเป็นที่มาหลักๆ ของการฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ และครั้งสุดท้ายที่ตัวเลขนี้เลวร้ายขนาดนี้ คือปี 2007  47% ของประชากรคิดว่าอัตราการว่างงานจะเกิดขึ้นในปี 2008  ซึ่งเป็นปีที่เกิด Great Financial Crisis ที่สหรัฐอเมริกานั่นเอง 

Mei 

Credit : https://youtu.be/5eEESkb7XjY 

ผู้เขียน

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top